การใช้พลังงานทดแทนในรูปแบบของการใช้แก๊สควบคู่ไปกับน้ำมันเชื้อเพลิงหรือเรียกว่า
การใช้เชื้อเพลิง 2 ระบบ ที่ใช้กันอยู่มากในปัจจุบัน มี 2 ชนิดใหญ่ ๆ ที่เราคุ้นเคยกันดี
คือ การใช้ LPG รถยนต์ และ แก๊ส GV
สำหรับการใช้พลังงานทดแทนทั้ง
2 อย่างจำเป็นต้องกมีการดูแลบำรุงรักษามากกว่าการใช้งานสำหรับเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้องเพลิงปกติ
เนื่องจากเครื่องยนต์กว่า 95%
ที่ใช้อยู่ในบ้านเราไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ใช้กับก๊าซโดยตรง
แต่มีอยู่บ้างเพียงเล็กน้อยเท่านันที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อสำหรับรองรับการใช้แก๊ส
ซึ่งการลงทุนในการวิจัยและพัฒนารวมถึงการปรับเปลี่ยนชิ้นส่วนให้รองรับกับการใช้พลังงานทดแทนที่เป็นแก๊ส
จะมีต้นทุนสูงมาก ส่งผลโดยตรงต่อราคารถใหม่ที่ติดตั้งสมบูรณ์เสร็จจากโรงงาน
แต่ไม่ได้หมายความว่า
รถที่ติดตั้งระบบแก๊สออกมาจากโรงงานทุกยี่ห้อเป็นเครื่องยนต์ที่ปรับปรุงให้รองรับการใช้แก๊สโดยเฉพาะ
ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้พลังงานแก๊สทดแทนและลดข้อด้อยของการใช้แก๊สลงได้บ้างรวมถึงช่วยยืดอายุการใช้งานให้ยืนยาวขึ้น
แม้บางอย่างดูเผิน ๆ อาจจะสิ้นเปลืองกว่าการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
แต่เมื่อคิดคำนวณถึงราคาแก๊สที่ถูกกว่าการใช้น้ำมันเบนซินมันจึงถูกยอมรับได้ไปโดยปริยาย
การบำรุงรักษารถยนต์ที่ใช้แก๊สเบื้องต้น
เนื่องจากรถยนต์ที่ได้ใช้เชื้อเพลิงแก๊สจะมีอุณหภูมิที่ได้จากการเผาไหม้สูงกว่าเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
เบนซินไร้สารตะกั่วมากกว่าเท่าตัว ดังนั้น
วิธีปฏิบัติเบื้องต้นในขั้นตอนการบำรุงรักษารถยนต์ที่ติดตั้งระบบแก๊ส คือ
สังเกตกลิ่นแก๊สรั่วอย่างสม่ำเสมอทุกวันและทุกครั้งที่มีการใช้งาน
หากพบให้หยุดใช้ระบบแก๊ส ให้ใช้ระบบเชื้องเพลิงปกติ และรีบนำรถเข้าตรวจสอบโดยเร็ว
หมั่นตรวจสอบระบบน้ำหล่อเย็นในหม้อน้ำอยู่เสมอว่ามีการพร่องของน้ำบ้างหรือไม่
ถ้าเห็นว่าน้ำพร่องบ่อย ให้รีบนำรถเข้าไปตรวจเช็คโดยเร็ว
เนื่องจากมีการติดตั้งระบบแก๊สเพิ่ม จะต้องมีการตัดต่อระบบน้ำหล่อเย็น
เข้ากับระบบน้ำหล่อเย็น เข้ากับระบบแก๊สการอุ่น ดังนั้น
อาจมีการรั่วของน้ำหล่อเย็นได้ รวมถึงข้อต่อต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้นมาได้
ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องทุก ๆ สัปดาห์เป็นอย่างน้อย
เนื่องจากเครื่องยนต์ที่ติดตั้งแก๊สจะมีความร้อนที่ห้องเผาไหม้มากกว่าปกติ
ทำให้อัตราการสิ้นเปลืองของน้ำมันเครื่องจะมากกว่าเครื่องยนต์ปกติอยู่เล็กน้อย
และควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องอย่างเคร่งครัด
ควรหมั่นเป่าไส้กรองอากาศทุก ๆ 2 -3 สัปดาห์ และเปลี่ยนไส้กรองอากาศทุก ๆ
10,000 – 20,000 กิโลเมตร แล้วแต่สภาพการใช้งาน
โดยเฉพาะรถที่ใช้งานในพื้นที่มีฝุ่นมาก
ตรวจสอบหัวเทียนทุก ๆ 10,000 กิโลเมตร หรือเปลี่ยนหัวเทียนทุก ๆ 15,000 –
20,000 กิโลเมตร สำหรับหัวเทียนแบบธรรมดาหรือทุก ๆ 40,000 กิโลเมตร
สำหรับหัวเทียนพิเศษที่ทนความร้อนได้ดี เช่น หัวเทียนประเภท
อีเรเดียมหรือหัวเทียนประเภทหัวเข็มซึ่งช่วยให้เผาไหม้หมดจด
และเครื่องยนต์ไม่สะดุดหรือกระตุก
ตรวจเช็คบ่าวาล์วตามระยะหรือทุก ๆ 40,000 – 60,000 กิโลเมตร
เนื่องจากบ่าวาล์วจะสึกหรอเร็วกว่าเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินทั่วไป
ควรถ่ายตะกอนแก๊ส (ขี้แก๊ส) ทุก ๆ 50,000 กิโลเมตรและล้างหม้อต้ม (Pressure
Reducer) ทุก ๆ 1-2 ปี
รวมถึงเช็คสภาพความสมบูรณ์ของหม้อต้มโดยการล้างหม้อต้มตามตารางบการบำรุงรักษา
ควรเปลี่ยนกรองแก๊สทุก ๆ 20,000 กิโลเมตร ล้างทำความสะอาดโซลินอย์วาล์ว
ทุก 50,000 กิโลเมตร
เช็คสภาพหรือเปลี่ยนติ๊กแก๊สหรือทุก ๆ 2 ปี หน้า-หลังหม้อต้ม ขาเข้า-ออก
ของถังเก็บแก๊สจะจ่ายแก๊สโดยใช้น้ำผสมสบู่เหลวตามข้อต่อต่าง ๆ ทุก ๆ 20,000
กิโลเมตร
ระมัดระวังการเกิด Back Fire โดยเฉพาะในระบบ Mixer
ซึ่งแก้ไขได้ โดยเปลี่ยนพฤติกรรมการขับ ให้ขับแบบสุภาพ นุ่มนวล ค่อย
ๆ เร่งเครื่องยนต์ อย่าขับแบบรุนแรงหรือกดดันเร่งเฉียบพลัน
อย่าพยายามปรับใช้แก๊สจนบางเกินไป
ซึ่งจะทำให้ห้องเครื่องยนต์มีความร้อนสูง
ปรับจูนอัตราส่วนผสมของแก๊สให้เหมาะสม
หากรู้สึกว่ามีอาการผิดปกติของเครื่องยนต์หรือทุก ๆ 20,000 กิโลเมตร
ตรวจสอบและขันสกรูหรือน๊อตยึดถังแก๊สทุก ๆ 50,000 กิโลเมตร
สลับการขับด้วยน้ำมันเชื้องเพลิงปกติบ้างประมาณ 10% ของระยะทางที่วิ่งประจำวัน
เพื่อช่วยหล่อลื่นวาล์วและไม่ทำให้วาล์วแห้งจนเกินไป
การดูแลบำรุงรักษารถยนต์ที่ใช้แก็สมีความจำเป็นมาก
จึงต้องหมั่นดูแลเป็นพิเศษและตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างสมบูรณ์
และยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ ซึ่งการดูแลบำรุงรักษารถยนต์ที่ใช้แก๊ส ทั้งแบบ
LPG และ NGV (CNG) มีลักษณะและขั้นตอนใกล้เคียงกัน สามารถนำไปใช้เป็นแนวทางการตรวจเช็คได้ทั้งสองแบบ
บางอย่างท่านผู้ใช้รถสามารถตรวจสอบด้วยตนเองได้ แต่หากรู้สึกว่ายุ่งยากและไม่สะดวก
ควรให้ร้านหนือบริษัทที่รับติดตั้งตรวจสอบให้ตามกำหนดเวลาหรือตามคู่มือการใช้งานจะเป็นการดีที่สุด